1.
ที่มาของโครงการ
ด้วยรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย
ได้จัดทำข้อตกลงร่วมกันเมื่อปี พ.ศ. 2548
ในการจัดทำโครงการตรวจลงตราหนังสือเดินทางการทำงาน และท่องเที่ยวไทย – ออสเตรเลีย
ภายใต้ข้อตกลง “Work
and Holiday Visa” เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยอายุระหว่าง 18 – 30
ปี สามารถเดินทางไปศึกษา ท่องเที่ยว
และทำงานได้เป็นการชั่วคราวในขณะอยู่ในประเทศออสเตรเลีย โครงการนี้จะเสริมสร้างให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
เปิดโลกทัศน์ สามารถปรับตัวและเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง ได้ฝึกการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในต่างประเทศ
และฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ โดยกำหนดจำนวนเยาวชนไทยเข้าร่วมโครงการ
Work and Holiday Visa ไทย – ออสเตรเลีย
ปีละ 500 คน
2.
คุณสมบัติ
ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ
จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี
(อายุยังไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ยื่นขอวีซ่ากับ
สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย)
สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย)
3.
สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป
4.
มีหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
5. ต้องเดินทางคนเดียว
(ไม่มีผู้ติดตาม)
6.
มีหลักฐานทางการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ (ของผู้สมัครเอง) จำนวน 5,000
ดอลลาร์ออสเตรเลีย
7. มีความประพฤติและสุขภาพดี
3. หลักฐานประกอบการขอหนังสือรับรองคุณสมบัติจาก ดย.
ตามข้อตกลงของโครงการฯ
ผู้ที่จะยื่นขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย
จะต้องแนบหลักฐาน หนังสือรับรองคุณสมบัติ ซึ่งออกให้โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน
(ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้
การสมัครขอรับหนังสือรับรองคุณสมบัติดังกล่าว ผู้สมัครจะต้องยื่นแสดงเอกสารสำคัญ
ดังนี้
1. ใบสมัคร
(พิมพ์มาจากการสมัครผ่านทางระบบออนไลน์)
2.
ปริญญาบัตรหรือหนังสือรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ฉบับจริง พร้อมสำเนา
1 ชุด โดยเอกสารต้องออกก่อนวันที่เปิดรับสมัครออนไลน์
3. ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
4.
หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1
ชุด
5. บัตรประจำตัวประชาชน ฉบับจริง
พร้อมสำเนา 1 ชุด
6. ทะเบียนบ้าน ฉบับจริง พร้อมสำเนา
1 ชุด
7.
หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับใช้งานได้
โดยต้องแนบหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
1) ผลการสอบ IELTS (ประเภทใดก็ได้)
เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.5 ในทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี หรือ
2) ผลการสอบ TOEFL iBT ระดับคะแนน 32 ขึ้นไป ทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี
หรือ
3)
ใบรับรองหรือประกาศนียบัตรที่แสดงว่าได้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีระยะเวลา
2 ปี จากสถาบันการศึกษาที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ
4) หลักฐานการจบระดับประถมศึกษา (Primary) และมัธยมศึกษาตอนต้น (3 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ
5)
หลักฐานที่แสดงว่าได้ศึกษาระดับมัธยมศึกษา 5 ปี (5 years of secondary
education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน
หรือ
6)
สำเร็จการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียหลักสูตร 1 ปี
ในระดับปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตร
8. หลักฐานทางการเงินซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ของผู้เดินทาง
ไม่น้อยกว่า 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็น Bank Statement หรือใบรับรองทางการเงินของบัญชีเงินฝากจากธนาคาร
โดยชื่อบัญชีจะต้องเป็นชื่อของผู้เดินทางเท่านั้น
9. แผนการเดินทางโดยคร่าวๆ
และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในออสเตรเลีย (เขียนสรุปไม่เกิน 1 หน้า
เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ)
10.
บันทึกข้อตกลงที่ผู้ปกครองลงนามเรียบร้อยแล้ว (สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มจากเว็บไซต์ภายหลังจากการสมัครผ่านระบบออนไลน์)
11.
สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง
หมายเหตุ 1. ให้นำหลักฐานฉบับจริง
พร้อมสำเนาและลงลายมือชื่อรับรองสำเนาทุกฉบับมายื่นพร้อมเอกสารอื่นๆ
(ยกเว้นทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครอง หากไม่สามารถยื่นฉบับจริง
อนุโลมให้ใช้สำเนาแทน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
2. เอกสารหลักฐานการขอวีซ่าอื่นๆ
ให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของสถาน เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์
4.
วิธีการ/ขั้นตอนการรับสมัคร
4.1 การสมัครโดยผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น (Online) ทางเว็บไซต์ของ กรมกิจการเด็กและเยาวชน ในวันที่ 1
มิถุนายน 2561 โดยระบบจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 มิถุนายน 2561 เวลา 09.00 น. ทั้งนี้
หากมีผู้สมัครครบเต็มจำนวนที่กำหนดระบบจะปิดทำการรับสมัครทันที
4.2 จำนวนที่เปิดรับสมัคร ในปี
2561 ดย. จะดำเนินการเปิดรับสมัครผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 800 คน และออกหนังสือรับรองฯ
จำนวน 500 คน โดยกำหนดให้
• ผู้สมัครออนไลน์ในลำดับที่ 1 – 300*
จะต้องมายื่นเอกสารที่ ดย. ด้วยตนเอง ในวันที่ 16 มิถุนายน 2561 เท่านั้น
(เลขที่สมัครจะปรากฎบนใบสมัคร)
• ผู้สมัครออนไลน์ในลำดับที่ 301 – 500*
จะต้องมายื่นเอกสารที่ ดย. ด้วยตนเอง ในวันที่ 17 มิถุนายน 2561 เท่านั้น
(เลขที่สมัครจะปรากฎบนใบสมัคร)
• ผู้สมัครออนไลน์ในลำดับที่ 501 – 550*
จะต้องมายื่นเอกสารที่ ดย. ด้วยตนเอง ในวันที่ 17 มิถุนายน 2561 เท่านั้น
(เลขที่สมัครจะปรากฎบนใบสมัคร) ในกรณีที่ผู้สมัครลำดับที่ 1 – 500
สละสิทธิ์หรือคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ผู้สมัครลำดับที่ 501 – 550
จะถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นตัวจริงตามลำดับ
• ผู้สมัครที่ได้ลำดับสำรอง 551 – 800*
เป็นผู้ขึ้นทะเบียนลำดับสำรอง จะต้องรอประกาศจากทาง ดย. ในการเรียกตรวจเอกสาร โดย
ดย. จะประกาศเรียกตรวจเอกสารผ่านทางเว็บไซต์
ในกรณีที่มีผู้สมัครสละสิทธิ์หรือคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
• ผู้สมัครออนไลน์ได้ลำดับที่ 1 – 500
ที่เอกสารครบถ้วน ถูกต้อง จะได้รับหนังสือรับรองที่มีอายุใช้งานตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม – 30 ธันวาคม 2561 หากเอกสารครบถ้วน ถูกต้อง
สามารถมารับหนังสือรับรองได้ในวันที่ 3 – 6 กรกฎาคม 2561
*กรณีที่มีผู้สมัครออนไลน์ได้ลำดับที่
1 – 500 แต่ขาดคุณสมบัติหรือเอกสารไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ในขั้นตอนการตรวจเอกสาร ดย.
มีสิทธิ์ที่จะพิจารณาตัดสิทธิ์ผู้สมัครในลำดับนั้น
กรณีการมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นเอกสารแทนนั้น
สามารถทำได้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และมีเอกสารรับรองมายื่นประกอบ ได้แก่
ใบรับรองแพทย์ ใบแจ้งความ และหนังสือรับรองจากหน่วยงาน เท่านั้น
4.3 เอกสารประกอบการสมัครผ่านระบบ
Online
ในการกรอกใบสมัครผ่านระบบออนไลน์
ผู้สมัครควรเตรียมพร้อมข้อมูลส่วนตัว ดังนี้
1) เลขประจำตัวประชาชน
1) เลขประจำตัวประชาชน
2) ชื่อ – สกุล (ภาษาไทยและอังกฤษ)
3) วัน เดือน ปีเกิด
4) ที่อยู่ตามบัตรประชาชน
5) ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวก พร้อม เบอร์โทรศัพท์มือถือ
และ e-mail
address
6)
ข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
7) ข้อมูลบุคคลติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
4.4 วิธีการเข้าสู่ระบบ Online
ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.)
4.5 การยื่นเอกสาร
1) ใบสมัครที่พิมพ์ออกมาจากการสมัครทางออนไลน์
2) บันทึกข้อตกลงที่ดาวน์โหลดไฟล์มาจากในเว็บไซต์
พร้อมลงลายมือชื่อของผู้สมัคร ผู้ปกครอง และพยาน
3)
เอกสารและหลักฐานการขอหนังสือรับรองคุณสมบัติจาก ดย. (ตามที่ระบุในข้อ 3)
ใช้ฉบับจริงพร้อมสำเนา และรับรองสำเนาทุกฉบับ
4)
กรณีการมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นเอกสารแทนนั้น
สามารถทำได้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และมีเอกสารรับรองมายื่นประกอบ ได้แก่
ใบรับรองแพทย์ ใบแจ้งความ และหนังสือรับรองจากหน่วยงานเท่านั้น
ทั้งนี้หากเอกสารไม่ครบถ้วน/ไม่ถูกต้อง
และผู้มายื่นเอกสารแทนไม่สามารถชี้แจงเพิ่มเติมได้ถือเป็นสิทธิ์ขาดของเจ้าหน้าที่ในการพิจารณาออกหนังสือรับรอง
4.6 การรับหนังสือรับรองคุณสมบัติ
1) กำหนดรับหนังสือรับรอง
วันที่ 3 – 6 กรกฎาคม 2561
2) แสดงหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน
3) กรณีให้ผู้มารับแทน
ต้องทำหนังสือมอบอำนาจ
พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้สมัครและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
4)
ลงลายมือชื่อรับหนังสือรับรองไว้เป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ ดย.
5.
หลักฐานประกอบการขอตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่า) ประเภท Work and Holiday Visa (Subclass 462) กับสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย
ประจำประเทศไทย
1. แบบฟอร์ม 1208 (Work and
Holiday Visa)
2. รูปถ่ายสีขนาด 4.5 x 3.5 ซม. จำนวน 2 รูป
3. หนังสือรับรองคุณสมบัติจาก ดย.
(ฉบับจริง)
4. หนังสือเดินทาง (Passport) มีอายุการใช้งานคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
6. สำเนาทะเบียนบ้าน
7. หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับใช้งานได้
โดยแนบหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใด คือ
1) ผลการสอบ IELTS (ประเภทใดก็ได้)
ไม่ต่ำกว่า 4.5 มีอายุไม่เกิน 1 ปี
2)
ผลการสอบ TOEFL
iBT ระดับคะแนน 32 ขึ้นไป ทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี
หรือ
3)
ใบรับรอง
หรือประกาศนียบัตรที่แสดงว่าได้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีระยะเวลา 2 ปี
จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการเรียนการสอน หรือ
4) หลักฐานการจบระดับประถมศึกษา (Primary) และมัธยมศึกษา
(3 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการเรียนการสอน
หรือ
5) หลักฐานที่แสดงว่าได้ศึกษาระดับมัธยมศึกษา 5 ปี (5 years of
secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน
หรือ
6) สำเร็จการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียหลักสูตร 1 ปี
ในระดับปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตร
8. หลักฐานการเงินของผู้เดินทางไม่น้อยกว่า
5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็น Bank Statement หรือ
ใบรับรองทางการเงินของบัญชีเงินฝากจากธนาคาร
9. ค่าธรรมเนียมตรวจลงตราหนังสือเดินทาง
(วีซ่า) 420 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 13,000 บาท
(ค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 6 เดือน)
10.
ใบตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลที่สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียกำหนด โดยแจ้งแพทย์ผู้ตรวจว่าต้องการสมัคร
Work
and Holiday Visa ของออสเตรเลีย
11. แผนการเดินทางโดยคร่าวๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในประเทศออสเตรเลีย
(เขียนสรุปไม่เกิน 1 หน้า เป็นภาษาอังกฤษ)
12.
หนังสือให้ความยินยอมจากผู้ปกครองเป็นภาษาอังกฤษ (Parent Permission Letter) พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครอง
13. เอกสารทางการศึกษา ได้แก่
ปริญญาบัตรและ Transcript
14. ยื่นเอกสารเพื่อขอรับการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง
(VISA)
ตัวแทนรับยื่นวีซ่า ศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศออสเตรเลีย The
Trendy Office Building 28th Floor, Sukhumvit Soi 13, Klongtoey-Nua,
Wattana, Bangkok 10110 (BTS NANA, ทางออกหมายเลข 3) เวลาทำการ :
08.30 – 16.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดของสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย เวลายื่นใบสมัคร : 08.30 – 15.00 น. โทรศัพท์ : 02 118 7100 หรืออีเมลล์ :
info.dibpth@vgshelpline.com โดยเอกสารที่เป็นภาษาไทย
จะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย
15. ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองตลอดระยะเวลาของการพักอาศัยในประเทศออสเตรเลีย
ทั้งการเดินทาง ค่าครองชีพ และการประกันสุขภาพ ต้องหาที่พักและสมัครงานด้วยตนเอง
สามารถท่องเที่ยวสลับกับการทำงาน และทำงานกับนายจ้างคนเดียวกันได้ไม่เกิน 6 เดือน
ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนงานหรือเดินทางท่องเที่ยว
หมายเหตุ 1. เอกสารหลักฐานประกอบการยื่นขอวีซ่า
ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://www.homeaffairs.gov.au/trav/visa-1/462-
และ http://www.thailand.embassy.gov.au/bkok/Visas_and_Migration.html
3. สถานที่ติดต่อ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย
ประจำประเทศไทย 181 ถนนวิทยุ กรุงเทพมหานคร 10330 โทร. 0 2344 6300
คำเตือน
1.
ห้ามทำการสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านบริษัทนายหน้าที่รับเป็นตัวกลางทำการสมัครและ/
หรือจัดหาที่อยู่ให้เด็ดขาด
เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของโครงการและอาจทำให้ไม่ได้รับวีซ่า
รวมทั้งอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพได้
2. วีซ่าประเภทนี้ มิใช่วีซ่าทำงาน
ดังนั้น หากพบว่าทำงานประจำ ณ ที่ใดเกินกว่า 6 เดือน จะถือว่าได้ทำผิดกฎหมาย
อาจถูกถอนวีซ่าและถูกส่งกลับ
หากมีข้อสงสัยใดๆ
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ในวันและเวลาราชการที่
กลุ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ กองส่งเสริมการพัฒนาและสวัสดิการเด็ก
เยาวชน และครอบครัว
กรมกิจการเด็กและเยาวชน
618/1 ถนนนิคมมักกะสัน เขตราชเทวี
กรุงเทพฯ 10400
โทร./โทรสาร
0 2651 6534 (ในวันและเวลาราชการ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น